Powered By Blogger

วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2555

แกรมมี่แถลงการณ์ดูยูโรผ่านทรูวิชั่นส์รอผลจากยูฟ่าสัปดาห์นี้




 จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ในฐานะผู้ได้สิทธิ์เผยแพร่การถ่ายทอดฟุตบอลยูโร แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ตระหนักถึงการทำธุรกิจบนพื้นฐานของคุณธรรมและความถูกต้อง ซึ่งเป็นแนวทางที่จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ยึดถือและปฏิบัติมาตลอด 30 ปี จึงขอชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจในการบริหารสิทธิ์และการรับชมฟุตบอลยูโรอีกครั้ง


         การได้ลิขสิทธิ์ของ ฟุตบอลยูโร 2012   จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ได้ลิขสิทธิ์เผยแพร่ในทุกช่องทางการรับชม ( All rights) ซึ่งต้องใช้เม็ดเงินในการประมูลค่าลิขสิทธิ์จำนวนมหาศาล มีการประมูลแข่งขันกับผู้ประกอบการในประเทศหลายราย เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายในการผลิตแล้ว เป็นตัวเลขสูงกว่า 400 ล้านบาท   การบริหารสิทธิ์ที่ได้มาครั้งนี้จึงอยู่บนความชอบธรรมที่ผู้ได้รับสิทธิ์จะดำเนินภายใต้วิธีการบริหารจัดการที่เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทุกๆฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้บริโภคที่พึงได้รับสิทธิ์ในแต่ละช่องทางการรับชม


         ซึ่งเงื่อนไขสำคัญในก่อนการประมูลนั้น ผู้เข้าประมูลจะต้องระบุถึงช่องทางการรับชมเสนอต่อ ยูฟ่า ผู้เป็นเจ้าของสิทธิ์  อย่างชัดเจน เพื่อแสดงถึงศักยภาพในการเผยแพร่การแข่งขันระดับโลกครั้งนี้สู่ผู้ชมอย่างกว้างขวางและเพียงพอต่อมาตรฐานที่ยูฟ่ากำหนด และต้องเผยแพร่การถ่ายทอดการแข่งขันครั้งนี้เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น หากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆจะต้องขออนุญาตและได้รับความเห็นชอบจากยูฟ่าก่อนทุกกรณี หลักการนี้เป็นหลักการสากลที่ผู้เคยเจรจาซื้อลิขสิทธิ์กับยูฟ่าย่อมรู้ดี


         การเจรจาเพื่อหาพันธมิตรในการจับมือทางธุรกิจช่องทางการรับชมช่องทางต่างๆ จึงเริ่มดำเนินการตั้งแต่ช่วงกลางปี 2554 โดยเฉพาะ 3 ช่องทางการรับชมหลัก ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมการรับชมโทรทัศน์ของคนไทยปัจจุบันนี้ คือ ฟรีทีวี ระบบภาคพื้นดิน (terrestrial TV), เคเบิลทีวี ทางสาย coaxial (Cable TV), และ โทรทัศน์ดาวเทียม (satellite TV) ซึ่งระบุตัวเลขรวมของผู้ชมโดยรายงานล่าสุดของ AGB Nielsen  เมื่อเดือน สิงหาคม 2511 ประมาณ 22 ล้าน ครัวเรือน  เป็นผู้ชมฟรีทีวีผ่านเสาอากาศ เสาก้างปลา ประมาณ 10.9 ล้านครัวเรือน ผ่านระบบเคเบิลทีวีท้องถิ่น 2.3 ล้านครัวเรือน


         ที่เหลือเป็นระบบจานดาวเทียมทั้ง ซีแบนด์ และเคยูแบนด์ ประมาณ 6.8 ล้าน  และของทรูวิชั่น อีก 1.8 ล้านครัวเรือน ซึ่งเป็นตัวเลขที่รวบรวมก่อนสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา และไม่รู้ว่าฐานผู้ชมในแต่ละระบบ ณ ปัจจุบันคือเท่าใด แต่ที่แน่ๆหลังน้ำลดผู้ชมกว่าครึ่งประเทศต้องเปลี่ยนทีวี และเครื่องรับสัญญานใหม่เกือบทั้งหมด


         ในช่องทางฟรีทีวี จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ บรรลุข้อตกลงกับ ช่อง 3 , 5 และ9 ในรูปแบบความร่วมมือทางธุรกิจ การหาโฆษณาและแบ่งรายได้ โดยใช้ฐานผู้ชมจากตัวเลขของ AGB Nielsen เป็นฐานในการนำเสนอแพคเกจต่อผู้สนับสนุน เพราะคำว่า ฟรีทีวี ยูฟ่าระบุชัดเจนว่าเป็นการรับชมในภาคพื้นดิน ที่รับชมอย่างอิสระโดยไม่มีเงื่อนไขผ่านเสาอากาศทุกประเภทเท่านั้น


         หากฟรีทีวีที่นำสัญญาณไปทวนซ้ำ หรือ rebroadcast ในระบบดาวเทียม เช่นกรณี ทรู , DTV , IPM   โดยเฉพาะทรูซึ่งมีรายได้จากการบอกรับสมาชิกและช่องรายการฟรีทีวีก็รวมอยู่ในแพคเกจที่ต้องจ่ายค่าสมาชิกด้วยซึ่งถือเป็นสิทธิ์อีกช่องทางหนึ่งและต้องมีระบบการเข้ารหัสสัญญาน หรือ encryption เพื่อไม่ให้สัญญาณหลุดออกนอกประเทศ อันเป็นกติกาที่ฟรีทีวีทุกช่องทราบดี และไม่ใช่เฉพาะฟุตบอลยูโร เท่านั้น การแข่งขันทัวร์นาเม้นท์ระดับโลกอื่นๆ ก็ล้วนต้องเข้ารหัสทั้งสิ้นหากต้องยิงสัญญานผ่านดาวเทียม

         เมื่อการ rebroadcast ถือเป็นสิทธิ์ที่นอกเหนือจากฟรีทีวี  จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จึงมีความชอบธรรมในการหาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อร่วมบริหารสิทธิ์ในแต่ละช่องทางต่างๆเหล่านั้นต่อไป


         ณ เวลานั้น จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ วางนโยบายในการร่วมมือกับทุกกลุ่มพันธมิตร เพื่อร่วมบริหารสิทธิ์ในแต่ละช่องทางให้เกิดประโยชน์สูงสุดร่วมกัน พร้อมกันนั้น จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ประกาศชัดเจนในการเข้าสู่ธุรกิจ แพลทฟอร์ม ด้วยการเปิดตัวกล่องรับสัญญานดาวเทียม  ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น จีเอ็มเอ็ม แซท ในภายหลัง โดย จีเอ็มเอ็มแซทได้แสดงจุดยืนในการบอกต่อสาธารณะมาตลอด ถึงลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลยูโรจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจใหม่นี้ แต่พร้อมจะแบ่งปันคอนเทนท์เพื่อร่วมบริหารสิทธิ์ และลดต้นทุนที่จีเอ็มเอ็มต้องแบกรับ และมีความเชื่อมาโดยตลอดว่า การร่วมกัน แบ่งปันกันจะสร้างความมั่นคงให้ธุรกิจนี้เติบโตได้อย่างยั่งยืน และเปลี่ยนแนวคิดในลักษณะการซื้อแบบผูกขาด exclusive รวมทั้งการตั้งความหวังการรวมตัวเพื่อร่วมกันซื้อคอนเท้นท์ระดับโลก เพื่อให้คนไทยทุกระดับได้รับชมเป็นวงกว้างในราคาที่ถูกลง


         ทรูวิชั่น คือพันธมิตรอันดับต้นๆ ที่ จีเอ็มเอ็ม ให้ความสำคัญ เสนอไมตรีในการหารือความเป็นไปได้ทางธุรกิจในการร่วมบริหารสิทธิ์ช่องทางของทีวีดาวเทียม  ตั้งแต่ปลายปี 2554 เพราะเล็งเห็นว่า กลุ่มเป้าหมายของทรูวิชั่น กับ จีเอ็มเอ็ม แซท นั้นเป็นคนละกลุ่ม จึงมีความเป็นไปได้ในแบ่งปันคอนเทนท์อย่างลงตัว จีเอ็มเอ็มแซท ได้เสนอแลกเปลี่ยนสิทธิ์ของ ฟุตบอลยูโร โดยเฉพาะในระบ HD  กับ คอนเทนท์อื่นๆที่ทรูวิชั่นถือสิทธิ์อยู่  โดยไม่มีตัวเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง


         และทุกครั้งในการเจรจา จีเอ็มเอ็มได้แสดงนโยบายชัดเจน ในการเข้ารหัสสัญญานผ่านดาวเทียม การถ่ายทอดฟุตบอลยูโรช่องฟรีทีวีที่มีการทวนสัญญาณ ทั้งซีแบนด์ และ เคยูแบนด์ กล่องหรือแพลทฟอร์มใดที่ไม่ได้รับสิทธิ์ จะพบสถานการณ์ "จอดำ" ไม่สามารถรับชมได้แน่นอน จึงไม่มีเหตุผลใดที่ทรูวิชั่นจะปฏิเสธการรับรู้ หรือเข้าใจเองว่าสามารถรับชมการถ่ายทอดฟุตบอลยูโรได้ตามแถลงการณ์ที่ออกมา


         และด้วยนโยบาย exclusive  (การทำธุรกิจแบบผูดขาดทางด้านรายการ) ของทรูวิชั่น การเจรจาแต่ละครั้งจึงไม่บรรลุข้อตกลง แม้ว่าจะมีความพยายามจาก จีเอ็มเอ็มแซท ในการเสนอรูปแบบธุรกิจอื่นๆอีกหลายครั้งก็ตาม จึงเป็นความชัดเจนและสรุปได้ในที่สุดจากระยะเวลาที่ผ่านมาว่า ทรูวิชั่น ไม่สามารถดำเนินธุรกิจตามแนวทางใดที่จีเอ็มเอ็มแซทนำเสนออย่างแน่นอน


         ในเวลาต่อมา จีเอ็มเอ็มแซท จึงเปิดเจรจากับพันธมิตรรายอื่น  ซึ่งได้บรรลุข้อตกลงตามเงื่อนไขธุรกิจที่พึงพอใจทั้งสองฝ่าย ในการรับชม ฟุตบอลยูโร  ทั้งช่องทางเคเบิลทีวี กับ ซีทีเอช และผู้ประกอบการเคเบิ้ลท้องถิ่นทั่วประเทศ รวมทั้งแพลทฟอร์ม ดีทีวี ที่ยินดีร่วมมือทางธุรกิจในการถ่ายทอดฟุตบอลยูโรในระบบ เอชดี (HD) รวมทั้งคอนเทนท์กีฬาเอชดี อีก 3 ช่อง ในมูลค่าหลายสิบล้าน  โดยร่วมมือผลิตกล่องรับสัญญาณระบบ เอชดี ภายใต้ชื่อ จีเอ็มเอ็มแซท บาย ดีทีวี (GMMZ by DTV) แต่มีเงื่อนไขการร่วมธุรกิจด้วยการขอความเชื่อมั่น สำหรับการรับชมของฟุตบอลยูโร ในรุ่นมาตรฐานจะดูได้เฉพาะ จีเอ็มเอ็มแซท และรุ่นเอชดี เฉพาะ จีเอ็มเอ็มแซท บายดีทีวีเท่านั้น


         การร่วมธุรกิจของ ดีทีวี ซึ่งมีแพลทฟอร์มระบบเคยูแบนด์ เหมือนทรูวิชั่น และมีฐานสมาชิกกว่า 1.3 ล้านครัวเรือน ก็เข้าใจในหลักการ

ที่มา http://www.siamsport.co.th/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น